วันที่ 23 ธ.ค. 68 ที่ห้องประชุมสำนักงานใหญ่ การยางแห่งประเทศไทย ได้มีการประชุมหารือร่วมกันของ 3 ฝ่าย เพื่อเตรียมจัดทํา MOU ความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ร่วมกัน ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) นำโดย ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) นำโดย รศ.ดร.ทวีวัฒน์ วัฒนกุลเจริญ อธิการบดี และ สมาคมยุวเกษตรสากลแห่งประเทศไทย (IFYE Thailand) โดย รศ.ดร.สุนันท์ สีสังข์ นายกสมาคม พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญการขับเคลื่อนนโยบายด้านการเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงการสนับสนุนงานด้านวิชาการในระดับมหาวิทยาลัย ได้แก่ นายจักรี สุจริตธรรม รศ.ดร.สมชาย ชคตระการ พร้อมด้วย คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของทุกฝ่าย






การเตรียมจัดทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) ฉบับนี้ จะเป็นการมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากร กยท. กว่า 3,700 คน และการสร้าง “Smart Farmer” รุ่นใหม่ พร้อมหนุนงานวิจัยนวัตกรรมยางพาราครบวงจร โดยกรอบความร่วมมือครอบคลุม 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย การพัฒนาบุคลากร กยท. การพัฒนาทายาทเกษตรกร การวิจัยและนวัตกรรม
การพัฒนาบุคลากร กยท.: ยกระดับพนักงานกว่า 3,700 คน ให้มีทักษะระดับสากล สามารถขับเคลื่อนนโยบายศูนย์กลางยางพาราโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การพัฒนาทายาทเกษตรกร: ส่งเสริมการศึกษาและแลกเปลี่ยนเยาวชนเกษตรระดับนานาชาติ เพื่อสร้างผู้ประกอบธุรกิจยางพารารุ่นใหม่
การวิจัยและนวัตกรรม: ร่วมกันศึกษาวิจัยระบบธุรกิจยางพาราที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นโมเดลต้นแบบให้แก่ประเทศผู้ผลิตยางพาราทั่วโลก




การยางแห่งประเทศไทยที่มีภารกิจหลักในการดูแลเกษตรกรชาวสวนยางเกือบ 1,400,000 คน และเครือข่ายสถาบันเกษตรกรกว่า 1,100 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนผ่านภาคเกษตรกรรมยางพาราไทยจากการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่การเป็น “ผู้ประกอบธุรกิจยางพาราสู่สากล” โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการศึกษาระบบทางไกลของ มสธ. และเครือข่ายเยาวชนเกษตรนานาชาติของสมาคมยุวเกษตรสากลฯ
มสธ. พร้อมสนับสนุนด้านวิชาการ ทั้งการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมเฉพาะทางและการศึกษาต่อเพื่อเพิ่มพูนวิทยฐานะให้แก่บุคลากร กยท. รวมถึงทายาทเกษตรกร เพื่อให้มีความรู้เท่าทันเทคโนโลยีและกลไกตลาดโลก ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพของมหาวิทยาลัยในการกระจายองค์ความรู้สู่ชุมชนทั่วประเทศ
ด้าน สมาคมฯ ที่มีเครือข่ายทั้งในประเทศและนานาชาติ จะเป็นสะพานเชื่อมโยงทายาทเกษตรกรไทยกับเยาวชนเกษตรจากนานาประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เพื่อแลกเปลี่ยนนวัตกรรมและสร้างโอกาสทางการค้าในระดับสากล
การหารือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการทรัพยากร ทั้งงบประมาณอุดหนุนเกษตรกรหลายพันล้านบาทต่อปี และทุนการศึกษาสำหรับบุตรเกษตรกร เพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจยางพาราไทยในเวทีโลกต่อไป
