ความท้าทาย ‘ดิจิทัลดิสรัปชัน’ บนบ่าผู้บริหารใหม่

สภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชแต่งตั้ง รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีวัฒน์ วัฒนกุลเจริญ กรรมการสภามหาวิทยาลัย “รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช” ตั้งแต่วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๘ ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ได้ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่แต่งตั้งผู้รักษาการแทนรองอธิการบดีกำกับดูแลงานในแต่ละสายงานต่าง ๆ เพื่อให้การบริหารงานของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชดำเนินไปอย่างราบรื่น มีเสถียรภาพ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกมิติ

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) สถาบันอุดมศึกษาผู้บุกเบิกการเรียนการสอนทางไกลในประเทศไทย กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งสำคัญท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงผ่านทางดิจิทัล (Digital Disruption) และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีการศึกษา การผลัดเปลี่ยนผู้บริหารจึงไม่ใช่เพียงการสับเปลี่ยนตำแหน่ง แต่เป็นการส่งไม้ต่อภารกิจสำคัญในการ “พลิกโฉม มสธ.” ให้เป็นองค์กรที่ก้าวทันโลกยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง

จาก “ทางไกล” ดั้งเดิม สู่ “ดิจิทัลสมบูรณ์แบบ”


ความท้าทายแรก คือ การตั้งรับและปรับตัวให้เท่าทันกับเทคโนโลยีดิจิทัล ที่เข้ามาเปลี่ยนระบบการศึกษา “ทางไกล” แบบดั้งเดิมที่ มสธ. มีความโดดเด่นและชำนาญอย่างยิ่งในการจัดการศึกษาทางไกลมาอย่างยาวนาน แต่การเรียนการสอนทางไกลยุคอดีตกับยุคดิจิทัลมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในความท้าทายครั้งนี้ ผู้บริหารชุดใหม่จึงต้องนำทัพในการขับเคลื่อนหลาย ๆ อย่างไปพร้อม ๆ กัน เพื่อที่จะก้าวไปเป็น “มหาวิทยาลัยดิจิทัล” ที่ใคร ๆ ก็เรียนได้โดยแท้จริง

1) การอัปเกรดแพลตฟอร์มและสื่อการสอน จากการเรียนการสอนที่พึ่งพาตำราและสื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อหลักไปสู่ระบบคอร์สออนไลน์สมบูรณ์แบบที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล AI, AR, VR หรือ Gamification เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้และการมีปฏิสัมพันธ์เชิงตอบโต้ที่น่าสนใจ

2) การพัฒนาทักษะของบุคลากร การยกระดับศักยภาพของคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ให้เป็น “มืออาชีพที่มีทักษะดิจิทัล” เพิ่มมากขึ้น ทั้งการพัฒนาหลักสูตรออนไลน์ การสอน การผลิตสื่อ การวัดและประเมินผล

3) การสร้างการความเท่าเทียมสำหรับทุกคน มสธ. มีผู้เรียนที่มีความพร้อมและศักยภาพในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จะต้อง “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และจะต้องมั่นใจว่าผู้เรียนทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้เครื่องมือการเรียนรู้ใหม่ ๆ ได้อย่างสะดวก

ความท้าทายที่สอง คือ ความท้าทายด้านการศึกษาที่จะต้องปรับตัวเพื่อ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” โดยแนวโน้มความต้องการของตลาดแรงงานและรูปแบบการเรียนรู้ของผู้คนเปลี่ยนไป ทำให้ มสธ. ต้องทบทวนและปรับปรุงรูปแบบการศึกษาเพื่อให้ตอบโจทย์ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)” และความต้องการทักษะใหม่ ๆ การพัฒนาศักยภาพการทำงานและยกระดับคุณภาพชีวิต

1) การพัฒนาหลักสูตรที่มีความยืดหยุ่น ทั้งหลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-Based) และหลักสูตรระยะสั้น (Short Courses) ให้ผู้เรียนสามารถสะสมหน่วยกิตการเรียนรู้ (Credit Bank) เพื่อให้กลุ่มนักเรียน คนวัยทำงาน หรือผู้สูงวัย สามารถเข้ามาเรียนเพิ่มพูนความรู้และทักษะที่จำเป็นทั้งการ Reskill, Upskill และ New skill

2) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จากสถานการณ์มหาวิทยาลัยในต่างประเทศและภายในประเทศได้พัฒนาแพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์ เช่น Coursera, edX หรือ ThaiMOOC ก็จัดเป็นคู่แข่งโดยตรงของ มสธ. ที่จะต้องสร้างจุดแข็งและนวัตกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ให้ดึงดูดผู้เรียน

3) วิกฤตผู้เรียนลดลง การรับสมัครนักศึกษาใหม่มีจำนวนลดลงและการออกกลางคันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ทำให้ มสธ. ต้องสร้างกลยุทธ์ขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ให้ครอบคลุมผู้เรียนทุกช่วงวัยและกลุ่มสายอาชีพ และพัฒนาระบบสนับสนุนการเรียนรู้เพื่อกำกับ ดูแล และให้บริการนักศึกษาและผู้เรียนอย่างทั่งถึง


การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารจึงเป็นโอกาสทองที่ มสธ. จะได้กำหนดทิศทางใหม่ในการเป็น “มหาวิทยาลัยดิจิทัล” ที่มีความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนทั้งหลักสูตรที่ยืดหยุ่นและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ มสธ. เป็น “ผู้นำด้านการศึกษาทางไกล” อย่างยั่งยืน

จะนำพา มสธ. ฝ่าความท้าทายและเป็น “มหาวิทยาลัยดิจิทัล” ได้อย่างไร

ขอเชิญบุคคลากร มสธ. ทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรม “อธิการบดีและผู้บริหารพบประชาคม มสธ. สานพลังสู่มหาวิทยาลัยดิจิทัลและองค์กรธรรมาภิบาลแห่งความสุข” ในวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.00–16.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 7 อาคารห้องสมุดและศูนย์การเรียนรู้ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม คลิกที่นี่

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับรู้ แสดงความคิดเห็น เสนอแนะแนวทางการพัฒนาหรือการปรับปรุงกระบวนงานและการให้บริการอย่างประสิทธิภาพต่อไป

บทความโดย

ข่าวที่น่าสนใจ