มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จัดกิจกรรม “STOU Library Open House 2025” เปิดประสบการณ์พื้นที่การเรียนรู้ และ พื้นที่ Co-Working Space รูปแบบใหม่ในจังหวัดนนทบุรี
วันนี้ (19 กันยายน 2568) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) จัดพิธีเปิดอาคารห้องสมุดและศูนย์กลางการเรียนรู้ มสธ. (แห่งใหม่) อย่างเป็นทางการ โดยมี รศ.ดร.พนมพัทธ์ สมิตานนท์ กรรมการสภามหาวิทยาลัย รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรมหาวิทยาลัย และ ประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
ไฮไลต์สำคัญของงานคือการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยการล้ม โดมิโน่หนังสือจำนวนกว่า 15,000 เล่ม ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประเทศ โดมิโน่หนังสือครั้งนี้เปรียบเสมือนการเดินทางขององค์ความรู้จากคณาจารย์ทั้ง 12 สาขาวิชา ส่งต่อศูนย์วิทยบริการและชุมชนสัมพันธ์ มสธ. ทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาและเปิดโอกาสการเรียนรู้ให้ทุกคน สอดคล้องกับปณิธานของมหาวิทยาลัยที่ว่า “เป็นมหาวิทยาลัยเปิดชั้นนำของโลกที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาทางไกลเพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิตสำหรับทุกคน”
ทางมหาวิทยาลัยยังจัดกิจกรรม “STOU Library Open House 2025” เพื่อเปิดโอกาสให้แขกผู้มีเกียรติและประชาชนทั่วไปได้ร่วมสนุกพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบใหม่ อาทิ STOU TALK: หนังสือเปลี่ยนชีวิต, กิจกรรม DIY หนังสือทำมือ, DIY สร้างบ้านสุนัข-แมวจากลังกระดาษ และรับชมการแสดงดนตรีจากวง The Printing House
รศ.ดร.พนมพัทธ์ สมิตานนท์ กรรมการสภามหาวิทยาลัย รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า อาคารห้องสมุดแห่งใหม่นี้สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตและ Smart Small ส่งต่อแรงบันดาลใจ” โดยมีเป้าหมายให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้แห่งใหม่ สำหรับการเป็นพื้นที่ Co-Working Space และเป็นพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับผู้เรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ให้สามารถเข้ามาใช้บริการในด้านการศึกษาหาความรู้ ค้นคว้างานวิจัย หรือ พื้นที่สำหรับนั่งทำงานในเขตพื้นที่ใกล้เคียงมหาวิทยาลัยได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08:30 น. – 16:15 น.
อาคารห้องสมุดและศูนย์การเรียนรู้ มสธ. มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 24,350 ตารางเมตร ครอบคลุมทั้งหมด 11 ชั้น ภายในประกอบด้วย ห้องวีดิทัศน์, ห้องนิทรรศการ, ศูนย์หนังสือ, ห้องอ่านหนังสือ, ห้องค้นคว้า, ห้องประชุม และห้องปฏิบัติการต่าง ๆ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย
การออกแบบอาคารยังได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชจริยาวัตรของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาและการเรียนรู้ด้วยตนเอง รวมถึงนำเอกลักษณ์ท้องถิ่นของจังหวัดนนทบุรี เช่น เครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด และจิตรกรรม “พระแม่ธรณีบีบมวยผม” มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการออกแบบ นอกจากนี้ อาคารดังกล่าว ยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และได้รับรางวัลมาตรฐานการออกแบบที่มีประสิทธิภาพพลังงานในระดับ “ดี” จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานอีกด้วย
