ตามที่ สภามหาวิทยาลัยได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นที่พิพากษาว่า การถอดถอนอธิการบดีไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นให้เป็นยกฟ้อง โดยเห็นว่าการถอดถอนอธิการบดีชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยและพิพากษาคดีในวันที่ 4 เมษายน 2567 โดยสรุปว่า การถอดถอนอธิการบดีชอบด้วยกฎหมายแล้ว เนื่องจากสภามหาวิทยาลัยมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัย และมีอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งและถอดถอนอธิการบดี ตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. 2521 โดยสภามหาวิทยาลัยมีอำนาจหน้าที่พิจารณาว่าอธิการบดีมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชว่าด้วยการสรรหาอธิการบดีฯ หรือไม่ ก่อนการแต่งตั้งหรือถอดถอนอธิการบดี นอกจากนี้ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณากระบวนการถอดถอนแล้วเห็นว่าเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องแล้ว เนื่องจากได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงคือคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงและคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของอดีตอธิการบดี นอกจากนี้มีการเปิดโอกาสให้อดีตอธิการบดีตอบข้อซักถามตามข้อกล่าวหาด้วย ในส่วนของพฤติการณ์ของอดีตอธิการบดีตามที่ถูกกล่าวหาข้างต้นนั้นศาลปกครองสูงสุดพิจารณาพฤติการณ์ประกอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาจริง ดังนั้น การที่สภามหาวิทยาลัยมีมติถอดถอนอดีตอธิการบดีออกจากตำแหน่งจึงเป็นไปตามขั้นตอนที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนการถอดถอนอธิการบดีตามกฎหมายในมาตรา 20 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. 2521 สภามหาวิทยาลัยจะดำเนินการเพื่อเสนอขอโปรดเกล้าฯ ถอดถอนอธิการบดี ตามบทบัญญัติของกฎหมายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องต่อไป
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
วันที่ 9 เมษายน 2567